เมื่อโลกเปลี่ยนเป็นสมรภูมิรบของพวกมัน เหล่าจักรกลสังหารที่มาจากจักรวาลอันไกลโพ้น ฝ่ายออโต้บอท ผู้พิทักษ์รักสันติ ซึ่งมี ออพติมัส ไพร์ม เป็นผู้นำ และฝ่าย ดีเซปทิคอนส์ ผู้ทำลายล้าง ซึ่งมี เมกะทรอน เป็นผู้นำและหวังจะยึดครองแหล่งพลังงานบนโลก สงครามของทั้งสองฝ่ายได้เกิดขึ้นจึงเกิดขึ้นบนโลกของเรา ซึ่งกุญแจสำคัญของสุดยอดพลังอำนาจที่ฝ่ายทำลายล้างต้องการครอบครองนั้นอยู่ที่เด็กหนุ่มที่ชื่อ แซม วิทวิคกี้ ที่ยังไม่รู้ว่าเขาคือความหวังสุดท้ายของโลก แซมและแฟนสาวสวย มิคาเอลล่า ต้องตกอยู่ในวงล้อมของอภิมหาสงครามจักรกลนี้ เมื่อถูกต้อนในอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายถึงชีวิต จากเด็กหนุ่มที่ยังไม่ประสีประสาในเรื่องราวใดๆ ก็กลับทำให้แซมเข้าใจถึง คติประจำครอบครัวของตนเองที่ว่า “ถ้าไม่มีการเสียสละ ก็ไม่มีวันได้มาซึ่งชัยชนะ!”

เรื่องราวเกิดขึ้นในปี 1876 ในรัฐมอนทานา นักล่าหัวผู้ไร้ความปราณีติดตามพี่ชายของเขาเองไปทั่วดินแดนบิ๊กสกายด้วยความช่วยเหลือของนักดักสัตว์ขนสัตว์หนุ่ม

เรื่องราวเล่าขานแห่งตำนานคาเมล็อต เลดี้กวินนีเวียร์จำต้องเลือกระหว่างความซื่อสัตย์ต่อสามีหรือรักแท้ที่มีต่ออัศวินคู่ปรับของเขา

เป็นภาพยนตร์แนวเขย่าขวัญลึกลับของอเมริกัน-อังกฤษ ที่เขียน กำกับ และอำนวยการสร้างโดยคริสโตเฟอร์ โนแลน ซึ่งบทภาพยนตร์ดัดแปลงจากผลงานนวนิยาย ค.ศ. 1995 ในชื่อ เดอะเพรสทิจ ของคริสโตเฟอร์ พริสท์ โดยเรื่องราวกล่าวถึง โรเบิร์ต แองกิเออร์ และ อัลเฟรด บอร์เดน สองคู่แข่งนักมายากลเวทีในกรุงลอนดอนช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ที่ถูกครอบงำจิตใจจากความต้องการที่จะสร้างมายากลเวทีที่ดีที่สุด พวกเขาได้ร่วมแข่งขันกันโดยสูญเสียความเป็นมนุษย์และก่อให้เกิดผลลัพธ์อันน่าเศร้า

สงครามบนโลกมนุษย์ได้ยุติลง แต่ทว่าสงครามในห้วงจักรวาลนั้นเพิ่งจะเริ่มต้น หลังจากการกลับมาถึงไซเบอร์ทรอน สตาร์สครีมได้รับคำสั่งของเจ้าแห่งฝ่ายดีเซปติคอนส์ และได้ตัดสินใจกลับมาบุกรุกโลกพร้อมกองกำลังจักรกลสังหาร ฝ่ายออโต้บอทส์ ที่เชื่อมั่นในสันติภาพได้พบว่า ซากหุ่นที่ถูกทำลาย ของเมกาทรอนได้ถูกขโมยไปจากกองทัพสหรัฐฯ โดยสคอร์ ฟิน็อกซ์ และทำให้คืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้เมกาทรอนจึงกลับมาเพื่อแก้แค้น พร้อมสตาร์สครีมผู้ภักดี และกองทัพจักรกลสังหารฝ่ายดีเซฟติคอนส์ที่เดินทางมาสมทบอีกจำนวนมาก มหาสงครามแค้นครั้งนี้จึงเป็นงานใหญ่สำหรับฝ่ายออโต้บอทส์ ที่จะต้องรับศึกอันยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ใครจะคาดคิดได้

Transformer 3 นำเสนอเรื่องราวของแซม วิทวิคกี้ (ลาบัฟ) ที่กำลังจะย่างเท้าก้าวแรกเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่ พร้อมๆ กับการรักษาสถานะการเป็นมิตรชาวมนุษย์กับออพติมัส ไพรม์เอาไว้ ภาพยนตร์เรื่องนี้มีฉากหลังเป็นการแข่งขัน ทางอวกาศระหว่างสหภาพโซเวียตและ สหรัฐอเมริกา ซึ่งบ่งบอกว่าเหล่าทรานส์ฟอร์เมอร์มีบทบาทที่ซ่อนเร้นอยู่ และนั่นก็คือหนึ่งในความลับที่อันตรายที่สุดของโลก และหนึ่งในหุ่นตัวร้ายของภาคนี้คือ ช็อคเวฟ เหตุการณ์ที่ถูกปกปิดเป็นความลับของโลกเมื่อในอดีตนำไปสู่อภิมหาสงครามที่เหล่า ทรานส์ฟอร์มเมอร์ส ก็ไม่อาจคุ้มครองโลกได้โดยลำพัง แซม วิทวิคกี้.(ไชอา ลาบัฟ).และ.ฝ่าย "ออโต้บ็อทส์" จึงต้องต่อสู้กับความชั่วร้ายที่คุกคามโลกของเราจากน้ำมือของพวก "ดีเซปติคอนส์" ในผลงานความมันส์เรื่องยิ่งใหญ่ของโลก จากการผนึกกำลังของผู้กำกับ ไมเคิล เบย์ และ.ผู้อำนวยการสร้าง สตีเว่น สปีลเบิร์ก

แม้เหล่าออโต้บอตส์และดีเซ็ปติคอนส์จะเร้นกายจากโลกมนุษย์ แต่กลุ่มนักธุกิจและนักวิทยาศาสตร์ยังทะยานอยากก้าวข้ามขีดจำกัดทางเทคโนโลยีของมวลมนุษย์ ด้วยการศึกษาค้นคว้าจากเหตุการบุกโจมตีโลกของเหล่าจักรกลที่มาจากจักรวาลอันไกลโพ้น โดยไม่รู้เลยว่าเหล่าเครื่องจักรทำลายล้างที่ทั้งโบราณและแข็งแกร่งกำลังเคลื่อนพลโดยมีโลกเป็นเป้าหมาย มหากาฬการต่อสู้ระหว่างความดีและความเลว อิสรภาพ และความเป็นทาสจึงอุบัติขึ้น

Transformers : The Last Knight จะโฟกัสไปที่ ออพติมัส ไพรม์ ออโต้บอตส์ที่กำลังกลับไปยังดาวบ้านเกิดอย่าง ดาวไซเบอร์ตรอน และพบว่าดาวของตนเองได้ถูกทำลายลง ซึ่งเขานั้นก็มีส่วนที่ทำให้ดาวถูกทำลายด้วย เพื่อจะทำให้ดาวของเขากลับมาเป็นปกติสุขได้นั้นออพติมัส ไพรม์ ต้องตามหาวัตถุชิ้นหนึ่งที่อยู่บนโลกมนุษย์ และวัตถุที่ว่านั้นก็เกี่ยวโยงไปถึง “เมอร์ลิน” พ่อมดในตำนานสมัยกษัตริย์อาเธอร์ด้วย แต่ออพติมัสพลาดท่า จนถูก“ผู้สร้าง” (ควินเทชชั่น เผ่าพันธุ์ผู้ทรงภูมิ จุดกำเนิดทรานฟอร์เมอร์ส ตามฉบับการ์ตูน) ทำให้กลายเป็นศัตรูของเหล่ามนุษย์ไป