Four friends gather at a villa with the intention of eating themselves to death.

Down the road from Woodstock in the early 1970s, a revolution blossomed in a ramshackle summer camp for disabled teenagers, transforming their young lives and igniting a landmark movement.

“The Third Murder” เล่าเรื่องราวของทนายความ “ชิเกโมริ” ผู้รับผิดชอบคดีของ “มิซูมิ” ผู้ต้องหาคดีฆาตกรรม-ปล้นชิงทรัพย์ ซึ่งติดคุกจากข้อหาฆาตกรรมในอีกคดีหนึ่งเมื่อ 30 ปีก่อน โอกาสที่ชิเกโมริจะชนะคดีได้นั้นค่อนข้างน้อย เพราะลูกความของเขายอมรับผิดโดยดุษณี แม้จะต้องได้รับโทษประหารก็ตาม แต่เมื่อเขาขุดลึกลงไป ได้ฟังคำให้การของครอบครัวฝั่งเหยื่อและฝั่งของมิซูมิมากเท่าไหร่ ชิเกโมริผู้เปี่ยมด้วยความมั่นใจก็เริ่มเอะใจขึ้นทุกขณะว่าลูกความของเขาเป็นฆาตกรตัวจริงอย่างนั้นหรือ…

Mr. Hulot is the head designer of the Altra Automotive Co. His latest invention is a newfangled camper car loaded with outrageous extra features. Along with the company's manager and publicity model, Hulot sets out from Paris with the intention of debuting the car at the annual auto show in Amsterdam. The going isn't easy, however, and the group encounters an increasingly bizarre series of hurdles and setbacks en route.

A stranger enters into and forever alters the life of a couple. He claims to be pursued by certain authorities who intend to prevent him from disclosing a secret that only he holds, whence the title. Is he lying, or insane - or is he telling the truth? Who, if anyone, is after him? And what *is* - the secret?

Emerald Cities, completing the trilogy, is a story about a young woman who runs off from her Death Valley home to seek her fortune. Her drunken dad still stuck in his Santa suit from the local Christmas pagent, follows and soon comes in contact with the "new dark ages" of 1984. Juxtapositions of "on-the street" interviews (by Willie Boy Walker), punk performances by bands Flipper and The Mutants, TV shows of past-life hypnotism and nuclear destruction, and a crazed ex-con all finally intermix with the characters' own sagas.

Following the tragic death of her teenage son, Manuela travels from Madrid to Barcelona in an attempt to contact the long-estranged father the boy never knew. She reunites with an old friend, an outspoken transgender sex worker, and befriends a troubled actress and a pregnant, HIV-positive nun.

บอกเล่าการผจญภัยของครอบครัวอดีตซูเปอร์ฮีโร่ ที่ค้นพบแหล่งพลังที่แท้จริงของพวกเขา ..จากกันและกัน บ็อบ พาร์ หรือ มิสเตอร์อินเครดิเบิ้ล (ให้เสียงพากย์โดย เครก ที. เนลสัน) ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ขจัดอาชญากรรมนิรนามมือหนึ่ง ผู้ที่ได้ต่อสู้กับวายร้าย และช่วยชีวิตผู้คนเป็นกิจวัตรประจำวัน แต่สิบห้าปีให้หลัง เขาและ เฮเลน (ให้เสียงพากย์โดย ฮอลลี ฮันเตอร์) ภรรยาของเขา ผู้เป็นอดีตซูเปอร์ฮีโร่ที่มีชื่อเสียงเช่นเดียวกัน ถูกบังคับให้ต้องใช้ชีวิตแบบคนปกติสามัญในแถบชานเมือง ปัจจุบันนี้ พวกเขาใช้ชีวิตเหมือนมนุษย์เดินดินธรรมดา และใช้ชีวิตอย่างปกติสุขกับลูกๆ ที่พยายามทำตัว "ปกติ" ในแบบของตัวเอง ในฐานะพนักงานประกันภัยกินเงินเดือน สิ่งเดียวที่บ็อบต้องต่อสู้ในทุกวันนี้คือความเบื่อหน่าย และรอบเอวที่นับวันมีแต่จะยืดขยายมากขึ้น ซูเปอร์ฮีโร่ตกงานที่ใฝ่ฝันอยากจะผดุงความยุติธรรม พบโอกาสของเขาเมื่อมีเสียงลึกลับ ติดต่อให้เขาไปยังเกาะที่ห่างไกลผู้คน เพื่อรับมอบหมายภารกิจลับสุดยอด บัดนี้ ด้วยชะตากรรมของโลกเป็นเดิมพัน ครอบครัวอดีตซูเปอร์ฮีโร่จึงต้องประสานกำลังกันเป็นหนึ่งเดียว และค้นหาพลังพิเศษในครอบครัวพวกเขา...

Green Book คือผลงานที่นำแสดงโดยสองนักแสดงฝีมือคุณภาพ วิกโก้ มอร์เทนเซน ผู้เข้าชิงสองรางวัลออสการ์จาก Eastern Promises, Captain Fantastic ร่วมด้วย มาเฮอร์ชาลา อาลี เจ้าของรางวัลออสการ์จาก Moonlight เล่าถึงเรื่องราวของ สองคู่หูต่างขั้วที่จับผลัดจับผลูตระเวนเดินทางไปทั่วตอนใต้ของอเมริกาด้วยกัน “โทนี่ ลิป” (วิกโก้ มอร์เทนเซน) พี่ล่าขาใหญ่เชื้อสายอิตาเลียน-อเมริกันจากย่านบรองซ์ในนิวยอร์ก ต้องมาเป็นคนขับรถให้ “ดอน เชอร์ลีย์” (มาเฮอร์ชาลา อาลี) นักเปียโนคลาสสิคผิวสีระดับโลก ระหว่างที่เขาออกเดินสายขึ้นแสดงในยุค 60 สิ่งเดียวที่นำทางทั้งคู่คือ สมุดปกเขียว ที่บอกสถานที่ที่เป็นมิตรกับคนผิวสี พวกเขาต้องฝ่าทั้งกำแพงแห่งสีผิว ภัยอันตรายต่างๆ เช่นเดียวกับน้ำใจจากเพื่อนมนุษย์ในการเดินทางครั้งสำคัญนี้

เรื่องราวประหลาดเกี่ยวกับครอบครัว 2 ครอบครัว ที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่ค่อนข้างจะแตกต่าง แต่มันก็ยังมีบางอย่างที่คล้ายคลึงกันอยู่บ้าง โดยครอบครัวของ "กีแทค" จะเป็นครอบครัวที่ยึดติดอยู่กับความร่ำรวย ขณะที่ครอบครัว "พัค" นั้นจะสนุกสนานตื่นเต้นไปกับการดำเนินชีวิตในแต่ละวันของพวกเขา แต่แล้ววันหนึ่งทั้ง 2 ครอบครัวกลับต้องเข้ามาพัวพันกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ซึ่งหนังเรื่องนี้จะสะท้อนให้คุณได้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในสังคมบนโลกแห่งความจริงที่พวกเราอาศัยอยู่อย่างเจ็บแสบ

โนอาห์ บอมบาค ผู้สร้างหนังที่เคยเข้าชิงออสการ์แสดงฝีมือกำกับผลงานที่ถ่ายทอดเรื่องราวอันลึกซึ้งและน่าเห็นใจของคู่แต่งงานที่ต้องแยกทางและการใช้ชีวิตร่วมกันเป็นครอบครัว

เรื่องราวชีวิตในช่วงตกต่ำของจอมวายร้ายจิตป่วง ซึ่งเป็นจุดกำเนิดที่ไม่เคยมีใครกล่าวถึงมาก่อนบนจอยักษ์ และภาพยนตร์จะพาคุณไปรู้จักกับ "อาร์เธอร์ เฟล็ก" ชายผู้ถูกเมินเฉยจากสังคม กับชีวิตของเขาที่เปรียบเสมือนนิทานสอนใจ

เรื่องราวของ "ดานี่" และ "คริสเตียน" คู่รักที่เดินทางมายังประเทศสวีเดนตามคำชักชวนของเพื่อนร่วมมหาลัย ที่นั่นพวกเขาและเพื่อน ๆ วางแผนที่จะไปเที่ยวเทศกาลเฉลิมฉลองฤดูร้อนในหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลและร้างไร้ผู้คน ซึ่งเทศกาลนี้จะจัดขึ้นเพียง 1 ครั้งในรอบ 90 ปี เป็นเวลา 9 วัน และเป็น 9 วันที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน แต่ยิ่งพวกเขาคลุกคลีอยู่กับดินแดนที่เหมือนจะสดใสแห่งนี้เท่าไร ก็ยิ่งค้นพบเรื่องราวสุดแปลกประหลาด และชวนขนหัวลุกขึ้นเรื่อย ๆ และกว่าจะรู้ตัวก็แทบจะสายเกินไป

เรื่องราวเกี่ยวกับความรัก ครอบครัว และดวงวิญญาณในอดีต เมื่ออดัมได้ผูกสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านผู้ลึกลับ ปลุกเร้าสิ่งที่เขาปิดกั้นไปนานแสนนานกลับขึ้นมา

ใน "Lady Bird" เกรต้า เกอวิค แจ้งเกิดอีกครั้งกับการกำกับภาพยนตร์เรื่องเยี่ยม ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ขันและความสัมพันธ์ที่แสนจะปั่นป่วนระหว่างแม่และลูกสาวที่อยู่ในช่วงวัยรุ่น- คริสทีน 'เลดี้เบิร์ด' แม็คเพียร์สัน (เซียร์ชา โรแนน) ต่อต้านแม่ของเธออย่างหนัก ในขณะเดียวกันก็ทั้งรักและเป็นห่วงคุณแม่ที่สุดแสนจะเข้มแข็ง (ลอรี เม็ตคาล์ฟ) พยาบาลวัยกลางคนผู้ต้องรับภาระดูแลครอบครัวอย่างยากลำบากหลังจากพ่อของเลดี้เบิร์ด (เทรซี เล็ตส์) ตกงาน, เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเมืองซาคราเม็นโต รัฐแคลิฟอร์เนียในปี 2002 ซึ่งเป็นช่วงเวลาสุดพลิกผันของเศรษฐกิจอเมริกัน "Lady Bird" จะสะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่หล่อหลอมกลายมาเป็นตัวเรา ความเชื่อที่บ่งบอกถึงตัวเรา และสถานที่สุดแสนสวยงามแต่ช่างไม่เข้ากับเราเลยอย่างบ้าน

Metal drummer Ruben begins to lose his hearing. When a doctor tells him his condition will worsen, he thinks his career and life is over. His girlfriend Lou checks the former addict into a rehab for the deaf hoping it will prevent a relapse and help him adapt to his new life. After being welcomed and accepted just as he is, Ruben must choose between his new normal and the life he once knew.

คลาริซ สตาร์ลิ่ง (โจดี้ ฟอสเตอร์) เอฟบีไอสาว ได้รับมอบหมายให้ตามหาหญิงสาวผู้สูญหาย เพื่อช่วยชีวิตเธอคนนั้นจากฆาตกรต่อเนื่องโรคจิตผู้ชอบถลกหนังเหยื่อทุกราย และเพื่อที่จะทำความเข้าใจความคิดเบื้องลึกของฆาตกรได้มากขึ้น คลาลิซ จึงได้เข้าไปหาเพื่อพูดคุยกับฆาตกรโรคจิตอีกคนที่ถูกจำคุกอยู่ คือ ฮันนิบาล เลกเตอร์ (แอนโธนี่ ฮอปกิ้นส์) ผู้เคยเป็นถึงจิตแพทย์และยังฉลาดเป็นกรด คลาริซ ที่ต้องการให้ ฮันนิบาล ช่วยในการตามหาฆาตกรจึงพยายามทำทุกวิถีทางให้ ฮันนิบาลยอมเผยข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับการช่วยเหลือเหยื่อครั้งนี้ของเธอให้ได้

อย่าส่งเสียงออกมา เพราะว่าคุณจะถูกตามล่า พบกับตัวอย่างแรก A Quiet Place ดินแดนไร้เสียง นำแสดงโดย จอห์น กราซินสกี และเอมิลี บลันท์ ภาพยนตร์อำนวยการสร้างโดย ไมเคิล เบย์, แอนดรูว์ ฟอร์ม และแบรดลี่ย์ ฟูลเลอร์ ผลงานกำกับโดย จอห์น กราซินสกี ซึ่งรับบทนักแสดงนำคู่กับเอมิลี่ บลันท์

ชายร่างกำยำคนหนึ่ง (Roddy Piper) ที่ร่อนเร่หางานทำไปเรื่อยๆ และระหว่างที่เขาทำงานกรรมกรอยู่ที่สถานก่อสร้างแห่งหนึ่ง เขาก็ได้ไปพัวพันกับสมาคมลับอะไรสักอย่างโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่แล้วไม่นานก็มีคนถล่มสมาคมนี้ซะจนย่อยยับ ผู้คนแตกกระสานซ่านเซ็นไปจนหมด เขาก็ต้องหาวิ่งหลบการตามล่าไปด้วย และเก็บกล่องบางอย่างออกไป ซึ่งตัวเขาเองคิดว่าน่าจะเป็นของมีค่า แต่เมื่อเเปิดดูกลับพบว่าทั้งกล่องมีแต่แว่นตาดำล้วนๆ แล้วนั่นคือจุดเริ่มต้นของความสนุกที่แท้จริง

Little Women เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อเดียวกันที่ตีพิมพ์ในปี 1868 จากผลงานเขียนของนักเขียนหญิง Louisa May Alcott ว่าด้วยเรื่องราวของ 4 พี่น้องตระกูล March ที่ตัดสินใจออกจากบ้านเดิมของครอบครัวมาใช้ชีวิตกันเอง จากตัวอย่างภาพยนตร์เราจะได้เห็นว่าพวกเธอมีความฝัน Jo March (เซียร์ช่า โรแนน) อยากเป็นนักเขียน, Meg March (เอ็มม่า วัตสัน) อยากเป็นนักแสดง, Amy March (ฟลอเรนซ์ พิวจ์) อยากเป็นจิตรกร และ Beth March น้องสาวตัวน้อย สิ่งที่ทั้ง 4 คนต้องเผชิญและเป็นเหมือนกับแก่นของเรื่อง ก็คือ การต่อสู้กับกรอบของสังคมที่วัดความสำเร็จของผู้หญิงจากการแต่งงาน Little Women เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่จะเล่าเรื่องราวการก้าวข้ามวัยหรือ Coming of age ของวัยรุ่นสู่การเป็นผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้นนี่จึงไม่ใช่ภาพยนตร์ที่เหมาะสมสำหรับคนที่ชื่นชอบภาพยนตร์ดราม่าทั่ว ๆ ไปเท่านั้น แต่นี่เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่น่าสนใจสำหรับเด็กผู้หญิงทุกคน เพื่อตอกย้ำให้รู้ว่าการแต่งงานไม่ใช่ตัววัดความสำเร็จ หรือคุณค่าเสมอไป หลุดออกจากกรอบเก่า ๆ ไปพร้อม ๆ กันกับ Little Women!!!